
“So What” ซึ่งเป็นเพลงในอัลบั้ม Kind of Blue ของ Miles Davis, ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์แจ๊ซ และเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของ “modal jazz,” แนวทางดนตรีที่เน้นการใช้โหมด (modes) แทนที่จะคอร์ด
ก่อนที่จะเข้าสู่โลกแห่ง “So What”, จำเป็นต้องย้อนกลับไปที่ยุค 1950s ที่ดนตรีแจ๊ซเริ่มหันมาทดลองแนวทางใหม่ ๆ จาก bebop ซึ่งเน้นความรวดเร็วและความซับซ้อนของการ improvising, “modal jazz” เริ่มกำเนิดขึ้น โดยนักดนตรีเริ่มสนใจการสร้างความสมดุลระหว่าง improvision กับเมโลดีที่เรียบง่าย
Miles Davis เป็นผู้บุกเบิกแนวทางนี้ และ “So What” คือผลงานชิ้นเอกที่แสดงให้เห็นถึงปรัชญาของเขาอย่างชัดเจน
เนื้อหาเพลงและโครงสร้าง:
“So What” เป็นเพลง instrumental ที่มี tempo ช้า ๆ (slow tempo) และเป็นที่รู้จักจากเมโลดีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
เพลงนี้เขียนขึ้นใน Key of D Dorian ซึ่งเป็นโหมดหนึ่งของ scale ของ D minor. โmodo D Dorian ให้อารมณ์ที่เศร้า (melancholy) และสงบ (peaceful), ซึ่งสอดคล้องกับบรรยากาศของเพลง
โครงสร้างของ “So What” ประกอบด้วยสองส่วนหลัก:
- A Section: เริ่มต้นด้วย Phrases ที่ชัดเจน, ทำซ้ำกัน และเรียบง่าย
- B Section: เปลี่ยนไปเป็นโหมด E Phrygian ซึ่งให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
การเปลี่ยนโหมดนี้สร้างความตื่นเต้นและความแปลกใหม่ (novelty)
นักดนตรีใน “So What”:
“So What” รวบรวมนักดนตรีแจ๊ซระดับตำนาน:
นักดนตรี | เครื่องดนตรี |
---|---|
Miles Davis | ทรัมเป็ต |
John Coltrane | แซกโซโฟน |
Cannonball Adderley | แซกโซโฟน |
Bill Evans | เปียโน |
Paul Chambers | เบส |
Jimmy Cobb | กลอง |
การรวมตัวกันของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ทำให้ “So What” เป็นผลงานที่ไม่เหมือนใคร และเป็นตัวอย่างของความสามารถในการ improvising ที่สุดยอด
อิทธิพลและความสำคัญ:
“So What” มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อวงการดนตรีแจ๊ซ และเป็นเพลงที่นักดนตรีรุ่นหลัง ๆ นำไปเล่นและดัดแปลงมาอย่างมากมาย
เพลงนี้ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี และได้กลายเป็นเพลง “signature” ของ Miles Davis
ความเชี่ยวชาญในการ Improvising:
“So What” แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของ Miles Davis ในการ improvising
เขาไม่ยึดติดกับคอร์ด tradition และใช้โหมด (modes) เป็นพื้นฐานในการสร้าง improvisation ที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจ
เพลงนี้ยังเป็นตัวอย่างของ “collective improvisation” ที่นักดนตรีทั้งหกคนร่วมกันสร้างสรรค์ improvisation ที่ไหลลื่นและสมบูรณ์แบบ
คำแนะนำในการฟัง:
เมื่อคุณฟัง “So What” ลองให้ความสนใจกับ:
-
เมโลดีที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง: เมโลดีของ “So What” ไม่ซับซ้อน แต่สามารถสร้างอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง
-
การเปลี่ยนโหมด: สังเกตการเปลี่ยนแปลงจาก D Dorian ไปเป็น E Phrygian และความรู้สึกที่แตกต่างกัน
-
** improvisation ของนักดนตรี:** ทุกคนในวงแสดง improvising ที่ยอดเยี่ยม
“So What” เป็นเพลงแจ๊ซคลาสสิกที่ควรค่าแก่การฟังและศึกษา